คุยกับครูพิ้ง : ความเป็นมาของโปรเจคนี้
การตัดสินใจเริ่มงานด้านการส่งเสริมภาษาในเด็กเล็กของครูพิ้งนั้น
เริ่มต้นมาจากการความสำเร็จในการพาลูกออกเดินทางฝึกภาษามาตลอด 5 ปี ผนวกกับประสบการณ์ที่ตัวเองเคยได้รับผ่านการเข้าแคมป์ในต่างประเทศตั้งแต่อายุ 11 ปี ทำให้เข้าใจและเห็นถึงประโยชน์ที่จะสร้างโอกาสในการฝึกฝนภาษาให้เด็กตั้งแต่เล็กผ่านการจัดแคมป์
โดยในช่วงระยะเวลายี่สิบปีที่ผ่านมา ครูพิ้งเรียนจบปริญญาตรีด้านการเงิน สอบผ่านหลักสูตร CFA และ ปริญญาโทด้านการสอนภาษาอังกฤษเด็กเล็ก และได้ร่วมก่อตั้งโรงเรียนสอนการเงิน กับอ.ปิยะโอฬารริกสุภัค สามี เพื่อช่วยอบรมหลักสูตรการเงินการลงทุน ให้แก่บุคลากรในสายอาชีพนักการเงินมาตั้งแต่ปี 2011
ทำไมครูพิ้งถึงเชื่อว่าการฝึกฝนภาษาอังกฤษควรเริ่มต้นตั้งแต่เล็ก ?
เพราะทักษะภาษาอังกฤษที่ดีนั้นจะเปิดประตูไปสู่ความรู้ขั้นสูงมากมายเมื่อเด็กๆเริ่มโตเป็นผู้ใหญ่ ซึ่งผู้ใหญ่หลายๆท่านที่มาค้นพบความจริงข้อนี้ตอนโตก็ต้องพลาดโอกาสที่จะได้เรียนรู้วิชาความรู้ดีๆไปอย่างน่าเสียดาย ซึ่งครูพิ้งอยากยกตัวอย่างจากประสบการณ์ที่เปิดสอนหลักสูตร CFA ซึ่งเป็นคุณวุฒิมาตราฐานนักการเงินระดับนานาชาติมากว่า 10 ปี พบว่าการที่ผู้ที่สนใจในหลักสูตรไม่กล้าที่จะลงสอบ หรือ ไม่ประสบความสำเร็จในการเตรียมตัวสอบ น่าเสียดายว่าส่วนหนึ่งเป็นเพราะเกิดอุปสรรคทางด้านภาษาอังกฤษจากตัวเค้าเองด้วยเช่นกัน
แต่การจะเริ่มเรียนภาษาอังกฤษให้ได้ผลดีนั้นจะประสบความสำเร็จง่ายกว่าหากเริ่มเมื่ออายุน้อยก่อนวัยรุ่น เพราะหากว่ามาเริ่มเรียนตอนโตแล้วมักจะต้องใช้เวลา และ ความพยายามที่จะเอาชนะข้อจำกัดต่างๆมากกว่า และยังทำให้เสียเวลาที่จะได้ใช้เวลาเพื่อเรียนรู้ทักษะความรู้ในสาขาวิชาที่จำเป็นไปอีกหลายปี ดังนั้นภาษาอังกฤษจึงควรเป็นทักษะที่เด็กๆควรได้รับการฝึกฝนให้ดีคู่กับภาษาไทยตั้งแต่ระดับอนุบาลจนถึงจบชั้นประถมเพื่อเป็นมาตราฐานขั้นต่ำในการเรียนรู้ขั้นสูงในระดับมัธยมขึ้นไป
การเรียนภาษาในเด็กเล็กควรเป็นอย่างไร ?
เพราะเด็กมีสมองเหมือนฟองน้ำ
การเรียนรู้ภาษาสำหรับเด็กเล็กนั้นจึงมีธรรมชาติแตกต่างจากผู้ใหญ่เป็นอย่างมาก เนื่องจากเด็กจะมีความอยากเรียนรู้ และ สื่อสาร เป็นแรงผลักดันในตัวเองตามธรรมชาติอยู่แล้ว และ ไม่กลัวที่จะทำผิดพลาดเหมือนผู้ใหญ่ เด็กจึงเรียนรู้ผ่านการเลียนแบบ และลองผิดลองถูกเป็นหลัก เราจึงควรเข้าใจว่าการช่วยส่งเสริมภาษาที่สองในเด็กเล็กๆนั้นไม่ควรเน้นหลักไวยากรณ์และการท่องจำมากเกินไปตั้งแต่แรกเหมือนการสอนผู้ใหญ่ ด้วยจะทำให้เด็กเกิดความเบื่อหน่ายและพาลไม่ชอบการเรียนภาษาอังกฤษตั้งแต่เริ่มแรกซึ่งมักจะทำให้เกิดปัญหาทัศนคติที่เป็นลบที่แก้ยากในระยะยาว
ถ้าสังเกตดีๆเด็กจะเกิดความสนใจในภาษาที่สองก็เพราะเค้ามีความรู้สึกที่ดีกับคนที่เค้าอยากสื่อสารด้วย และเค้าจะมองหาต้นแบบภาษาไม่ว่าจะเป็นจากครูหรือพ่อแม่ เพื่อการเรียนรู้ศัพท์ เลียนแบบคำพูด การออกเสียง และ ท่าทางต่างๆ ซึ่งจะทำให้การเรียนรู้ภาษาของเค้าจะเป็นเรื่องที่สนุก แปลกใหม่ และ ท้าทายความสามารถ อยู่ตลอดเวลา
อย่างไรก็ดีการส่งลูกเรียนโรงเรียนนานาชาติเพื่อให้ลูกได้มีโอกาสใช้ภาษาอังกฤษมากขึ้นนั้นเป็นทางเลือกที่มักจะได้ผลดี แต่อาจจะไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะสมสำหรับครอบครัวส่วนใหญ่ ซึ่งอาจเกิดจากหลายเหตุผล ซึ่งแม้แต่ครูพิ้งเองก็เลือกที่จะส่งให้น้องเจสซี่เรียนในโรงเรียนไทยด้วยเช่นกัน
ดังนั้นครูพิ้งจึงรู้สึกว่าทางบ้านที่มีลูกเรียนโรงเรียนไทย ก็ควรจะต้องช่วยส่งเสริมการฝึกใช้ภาษาอังกฤษให้ลูกเพิ่มเติมนอกห้องเรียน ซึ่งการพาน้องเจสซี่ออกเดินทางฝึกภาษา ก็เป็นส่วนหนึ่งของการส่งเสริมที่ได้ผลดีมากไม่แพ้การเรียนในโรงเรียนนานาชาติค่ะ
แคมป์คือสะพานเชื่อมการเรียนรู้จากโรงเรียนสู่โลกกว้าง
สิ่งที่ทำให้ครูพิ้งเชื่อว่า แคมป์ภาษาอังกฤษ ที่ครูพิ้งจัดจะให้ประโยชน์ด้านการฝึกภาษากับเด็กๆในหลายๆด้านที่ช่วยให้การเรียนรู้ที่เริ่มต้นในห้องเรียนนั้น สำเร็จได้ที่นอกห้องเรียน มีดังนี้ค่ะ
แคมป์นี้เปรียบเสมือนความร่วมมือระหว่างโรงเรียนและบ้าน โดยพ่อแม่เป็นผู้สร้างโอกาสให้กับลูกได้นำความรู้ที่เรียนในห้องเรียนออกไปลองสนามในการเข้าแคมป์ด้วยตัวเอง เป็นการยิงปืนนัดเดียวได้ประโยชน์หลายๆเรื่องพร้อมกัน
แคมป์สร้างบรรยากาศการเรียนรู้ที่ สนุก เป็นธรรมชาติ และ กดดันน้อยกว่าในห้องเรียนเนื่องจากไม่มีการสอบไม่มีการบ้าน และ เน้นการเรียนรู้จากมีปฏิสัมพันธ์กับสิ่งที่เด็กๆสนใจเป็นหลัก
แคมป์ช่วยให้เด็กๆเข้าใจถึงความสำคัญของภาษาอังกฤษและความจำเป็นที่จะต้องใช้งานให้ได้อย่างคล่องแคล่วทั้งฟัง พูด ตามด้วย อ่านและเขียน เพื่อเชื่อมต่อตัวเองกับโลกที่หมุนไปอย่างรวดเร็วได้ง่ายขึ้น
แคมป์จะช่วยสร้างแรงบันดาลใจให้เด็กๆอยากสื่อสารด้วยความมั่นใจ และอยากฝึกฝนตัวเองโดยไม่ต้องมีใครมาบังคับ
แคมป์จะช่วยกระตุ้นความอยากรู้อยากเห็น ช่วยให้เด็กพยายามหาคำตอบกับสิ่งที่ได้พบเห็น และ เปิดโอกาสให้เด็กๆได้เรียนรู้อะไรหลายๆอย่างพร้อมกันโดยไม่รู้ตัว
แคมป์จะช่วยสอนให้เด็กๆเรียนรู้ที่จะปรับตัวให้เข้ากับสถานที่ใหม่ สังคมใหม่ ให้สำเร็จให้ได้ ซึ่งเป็นความท้าทายที่เค้าอาจจะไม่เคยสัมผัสมาก่อน
แคมป์จะช่วยให้เด็กๆพัฒนาประสาทสัมผัสทุกส่วนของตัวเองในการเรียนรู้ ผ่านกิจกรรมที่ไม่ซ้ำ และมีโอกาสเรียนรู้ตามความถนัดของตัวเอง
แคมป์จะช่วยให้เด็กๆค้นพบศักยภาพที่ซ่อนอยู่ในตัวเอง และ มีความกล้าที่จะลองผิดลองถูกภายใต้การนำและเอาใจใส่ของคุณครูผู้ดูแล
PROFESSIONAL QUALIFICATIONS
ประวัติการศึกษาของครูพิ้ง
Nov 2009 - Nov 2011
MASTER IN TEACHING ENGLISH TO YOUNG LEARNER, UNIVERSITY OF YORK, ENGLAND
ปริญญาโทด้านการสอนภาษาอังกฤษเด็กเล็ก อายุตั้งแต่ 3-12 ปี ที่มุ่งเน้นด้านการทำ Action Research
June 2004 - June 2006
CHARTERED FINANCIAL ANALYST (CFA), CFA INSTITUTE, USA
การสอบคุณวุฒิด้านการบริหารการลงทุน 3 ระดับ ที่ได้รับการยอมรับเป็น ‘มาตราฐานทองคำ’ ในอุตสาหกรรมการเงินทั่วโลก
May 2000 - June 2003
BACHELOR IN BUSINESS ADMINISTRATION (BBA), THAMMASAT UNIVERSITY, THAILAND
ปริญญาตรีสาขาบัญชีภาคภาษาอังกฤษ Major in Accounting และ Minor in Finance
OUR CAMP LEADERS
ทีมคุณครูพี่เลี้ยงที่จะคอยช่วยดูแลเด็กๆร่วมกับครูพิ้งอย่างน้อย 1 ท่านตลอดการเดินทาง

ปิยะ โอฬารริกสุภัค
ครูปิยะ
สามีครูพิ้งและคุณพ่อน้องเจสซี่
ประสบการณ์เดินทางต่างประเทศเป็นครอบครัว
ประเทศฝรั่งเศส ปี 2016
ประเทศสิงคโปร์ ปี 2016-2019
ประเทศฮ่องกง ปี 2017
ประเทศญี่ปุ่น ปี 2019

สุนิสา ธรรมสุนา
ครูพี่สา คุณครูพี่เลี้ยงที่สามารถสื่อสารภาษาอังกฤษในระดับพื้นฐานได้
ประสบการณ์เดินทางเพื่อช่วยดูแลเด็กเล็กในต่างประเทศ
ประเทศฮ่องกง ปี 2017
ประเทศสิงคโปร์ ปี 2018
ประเทศญี่ปุ่น ปี 2019
ประวัติการทำงาน
คุณครูพี่เลี้ยงน้องเจสซี่ และ ผู้ดูแลงานธุรการบริษัท Pink Training
คุณครูสอนภาษาอังกฤษ สถาบันคุมอง